GRE หรือ Graduate Record Examination เป็นข้อสอบวัดเชาวน์ปัญญาทั่วไป สำหรับผู้ต้องการศึกษาต่อในระดับที่สูงกว่าปริญญาตรีในประเทศสหรัฐอเมริกา ยกเว้น Business School ที่ต้องสอบ GMAT (Graduate Management Admission Test) และ Law School ที่ต้องสอบ LSAT (Law School Admissions Test) ข้อสอบ GRE จะเป็นแบบปรนัย ประกอบด้วยกันสามส่วนคือ Quantitative, Analytical และ Verbal โดยจะมีอีกส่วนหนึ่งที่สอบแยกต่างหากคือ การเขียน essay ที่เรียกว่า Writing Assessment. ปัจจุบัน ในประเทศไทยได้เปลี่ยนรูปแบบการสอบมาเป็นแบบ Computer Adaptive Test (CAT) ซึ่งสามารถสมัครสอบได้กว่า 20 วัน ในแต่ละเดือนและสามารถรู้ผลสอบได้อย่างรวดเร็ว
การสอบ GRE มีอยู่ 2 รูปแบบ คือ การสอบทั่วไป (General Test ) และการสอบเฉพาะวิชาสาขา (Subject Test) ในวิชาต่างๆ 16 สาขา การสอบทั่วไป (General Test ) เป็นการสอบเพื่อวัดทักษะของผู้สอบในรูปของคะแนนของความสามารถทางภาษา คำนวณและความสามรถในเชิงวิเคราะห์ โดยใช้เวลาการสอบทั้งสิ้น 3 ชั่วโมง 30 นาที
ลักษณะของข้อสอบ
Quantitative Section (Mathematic)
มี 28 คำถาม ใช้เวลา 45 นาที
Verbal Section (Sentence Completion, Antonym, Reading Comprehension)
มี 30 คำถาม ใช้เวลา 30 นาที
Analytical Reasoning (Logic Games and Logical Reasoning)
มี 35 คำถาม ใช้เวลา 60 นาที
Essay Questions (Writing Assessment)
GRE ได้นำการสอบแบบ Writing Assessment มาใช้เมื่อเดือนตุลาคม 1999 การสอบนี้จะสอบในวันที่ต่างจากการสอบอื่นๆ ในแต่ละคณะจะมีการสอบข้อเขียนที่แตกต่างกันไป ดังนั้นจึงต้องเลือกว่าจะสอบเพื่อนำไปใช้เรียนต่อในสาขาวิชาใด เพื่อจะได้ทำข้อสอบให้ตรงกับความต้องการของสาขาวิชานั้นๆ ในการสอบแบบนี้จะมีอยู่สองคำถาม โดยบทความแรก จะให้เราออกความเห็นเกี่ยวกับเรื่องที่อ่าน ซึ่งใช้เวลา 45 นาที ส่วนที่สองนั้นจะให้เราวิเคราะห์ความเป็นเหตุและผลในข้อเขียนที่อ่าน ใช้เวลา 30 นาที
การสอบเฉพาะสาขาวิชา (Subject Test)
เป็นการสอบเกี่ยวกับวิชาหลักในสาขาที่นักศึกษาต้องการเข้าศึกษา ซึ่งจะมีทั้งหมด 16 วิชา ผู้สอบต้องตรวจสอบจากเอกสารของสถาบันว่าต้องการผลคะแนนการสอบ Subject Test หรือไม่ ถ้าไม่ได้ระบุไว้จะหมายถึงการสอบเฉพาะ General Test รายงานผลการสอบ GRE จะเป็นการรายงานผลคะแนนสำหรับ 3 ครั้งล่าสุด มหาวิทยาลัยบางแห่ง อาจจะพิจารณาเฉพาะผลคะแนนครั้งที่ดีที่สุด แต่บางแห่งอาจจะพิจารณาคะแนนเฉลี่ยของทั้ง 3 ครั้ง ในขณะที่มหาวิทยาลัยบางแห่งอาจจะพิจารณาจากพัฒนาการของนักศึกษาจากผลที่ได้แต่ละครั้ง การคิดคะแนน GRE จะไม่มีคะแนนติดลบเหมือน GMAT
มหาวิทยาลัยส่วนใหญ่จะพิจารณาคะแนนในส่วนของ Verbal และ Quantitative ผลสอบ GRE สามารถใช้ได้ 3-5 ปี ขึ้นอยู่กับข้อกำหนดของแต่ละสถาบัน อัตราค่าสมัครสอบปัจจุบันเท่ากับ US$ 170 ผู้สนใจสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้จากwww.gre.org
GRE เป็นการทดสอบเพื่อที่จะวัดทักษะ 4 ด้านด้วยกันคือ
1. ความอดทนและความตั้งใจจดจ่อ เพราะการทำข้อสอบใช้เวลาทั้งหมดสามชั่วโมง ฉะนั้นอาจทำให้เกิดความเหนื่อยล้าทั้งทางกายและจิตใจ ฉะนั้นผู้เข้าสอบควรเตรียมตัวให้พร้อม
2. ความสามารถในการอ่านจับใจความ คณิตศาสตร์ ความสามารถในการหาข้อสรุป ทั้งด้วยวิธีอุปมานนั่นคือ หาข้อสรุปจากข้อมูลทั่วไปที่มีให้ และวิธีอนุมานนั่นคือหาข้อสรุปด้วยการคาดคะเน จากสิ่งที่เรารู้อยู่แล้ว ในการสอบนี้จะไม่ได้รับอนุญาตให้นำเครื่องคิดเลขเข้าไปในห้องสอบ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องฝึกซ้อมทักษะในการคำนวณให้รวดเร็วและแม่นยำ
3. ทักษะในการสอบ วัดความสามารถในการคาดคะเน ใช้เวลาในการตัดสินใจไม่มากไม่น้อยจนเกินไปและสามารถตัดสินใจภายใต้ความกดดัน
4. ความสามารถในการแก้ปัญหา
การคิดคะแนนของ GRE
ผู้เข้าสอบจะได้รับผลคะแนนสำหรับ GRE (CAT) อยู่ 3 ประเภท คือ
- Quantitative (คำถามคณิตศาสตร์) ระดับคะแนน อยู่ในช่วง 200 ถึง 800
- Verbal (การอ่านจับใจความ คำตรงข้าม และการเติมคำในช่องว่าง) ระดับคะแนนอยู่ในช่วง 200 ถึง 800
- Analytical (คำถามพวกโลจิกและการให้เหตุผลโต้แย้ง) ระดับคะแนนอยู่ในช่วง 200 ถึง 800
นอกเหนือจากนี้ ในส่วนของ Writing Assessment จะมีการประเมินผลอยู่ในระดับ 0 ถึง 6 คะแนนส่วนนี้ไม่ค่อยมีความสำคัญมากนักเมื่อเทียบกับสามส่วนแรก และมีมหาวิทยาลัยบางแห่งเท่านั้นที่ต้องการผล Writing Assessment ผลสอบนี้จะมีการให้เกรดโดยการคิดแบบเปอร์เซ็นต์ไทล์ ยกตัวอย่างเช่น คะแนน รวม 630 ตรงกับเปอร์เซ็นต์ไทล์ ที่ 90 หมายความว่ามีผู้เข้สอบเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ที่ได้คะแนนต่ำกว่าหรือเท่ากับ 630
ความสำคัญของคะแนน GRE
คะแนน GRE จะเป็นตัวชี้ว่าเราสามารถสมัครเข้าสาขาอะไรและมหาวิทยาลัยไหนได้บ้าง เพราะมหาวิทยาลัยแต่ละแห่งจะกำหนดคะแนนไว้แตกต่างกัน โดยจะกำหนดคะแนนต่ำสุดที่ควรจะได้เอาไว้ โดยเฉพาะโปรแกรมที่มีการแข่งขันสูง ก็จะตั้งคะแนน GRE ไว้ค่อนข้างสูง ทั่วไปแล้ว Graduate School ต้องการคะแนนที่อยู่ในช่วง 600 ถึง 2400 ซึ่งเป็นคะแนนรวมของทั้งสามส่วน แต่บางแห่งก็ต้องการเพียงสองส่วนเท่านั้น ซึ่งคะแนนรวมก็จะอยู่ในช่วง 400 ถึง 1,600 สำหรับ Technical grad program จะต้องการคะแนนในส่วน Quanitative ค่อนข้างสูง ส่วนด้านจิตวิทยานั้น จะเน้นไปในด้าน Anaytical ดังตัวอย่างในตารางข้างล่าง
สำหรับนักศึกษาต่างชาติที่ไม่ได้เรียนระดับปริญญาตรีในสหรัฐอเมริกา และสมัครเข้าเรียนต่อในระดับสูงขึ้นในอเมริกา ควรจะให้ความสำคัญกับคะแนน GRE ค่อนข้างมากเพราะว่าการตัดสินว่าจะได้เข้าเรียนหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับส่วนนี้ค่อนข้างมาก และอาจจะมีการเรียกดูผลในส่วน Verbal ถ้าหากไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาพูด
|